หอมแดงชื่อสมุนไพร หอมแดงชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น หอมไทย,หอมเล็ก,หอมหัว หอมแดง(ภาคกึ่งกลาง), หอมปั่ว ,แพทย์แดง (ภาคเหนือ) , หัวหอมแดง (ภาคใต้) , ฝักบั่ว (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) , ปะเซ้ส่า (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) , ปะเซอก่อ (กะเหรี่ยง-ตาก) , ซัง , ตังซัง (จีน)ชื่อสามัญ Shallotชื่อวิทยาศาสตร์ Allium ascalonicum Linn.ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Allium carneum Willd., Allium fissile Gray, Allium hierochuntinum Boiss., Porrum ascalonicum (L.) Rchb.วงศ์ Amaryllidaceaeบ้านเกิดเมืองนอน หอมแดง เป็นพืชขนาดเล็กที่ปลูกไว้เพื่อบริโภคส่วนของหัวหรือบัลบ์ นิยมใช้เพื่อการทำครัว รวมทั้งเป็นสมุนไพร ทั้งนี้หอมแดง มีบ้านเกิดดั้งเดิมในทวีปเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ คาดการณ์ว่าอยู่ในแถบประเทศทาจิกิสถานที่ อัฟกานิสถาน รวมทั้งประเทศอิหร่าน โดยเชื่อกันว่า
หอมแดงกลายพันธุ์ตามธรรมชาติมาจากหอมหัวใหญ่แล้วก็มีการคัดพันธุ์เพื่อนำมาปลูกเป็นพืชของกิน ในจีนแล้วก็อินเดียและมีการกระจัดกระจายประเภทไปทั้งโลก ซึ่งได้มีการจดบันทึกไว้ ในช่วงคริสตวรรษที่ 12 เดี๋ยวนี้การปลูกหอมแดงได้แพร่หลายไปทั้งโลก แต่ก็ยังมีการบริโภคน้อยกว่าหอมหัวใหญ่อยู่ หอมแดง จัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในประเทศไทยพบว่ามีการปลูกมากทางภาคอีสานรวมทั้งทางภาคเหนือ แต่ว่าหอมแดงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหอมแดงคุณภาพดีก็ได้แก่หอมแดงจากจังหวัดศรีสะเกษ
ลักษณะทั่วไป ใบ ใบแทงออกมาจากลำต้นหรือหัว มีลักษณะเป็นหลอดกลม ภายในกลวง มีสารสีนวลเป็นไขฉาบผิวใบ ใบมีลักษณะตั้งชันสูงราวๆ 15-50 เซนติเมตร แตกออกเป็นชั้นถี่ 5-8 ใบ ใบอ่อนสดของหอมแดงใช้เพื่อการบริโภค
ส่วนหัวหรือบัลบ์ หัวหรือบัลบ์เป็นส่วนของกาบใบที่เรียงซ้อนกันแน่นจากภายในของหัวออกมา เป็นแหล่งสะสมของกิน และน้ำ มีลักษณะเป็นกระเปาะ เรียกว่า Bulbs มีลำต้นภายใน มีลักษณะเป็นก้อนเล็กๆสีขาว ซึ่งเป็นที่เกิดของหัวหอม หัวหอมจะแตกใหม่ออกมาจากหัวเดิม โดยเฉลี่ย 2 - 20 หัวต่อกอ เส้นผ่าศูนย์กลางของหัวราวๆ 1.5-3.5 ซม.
ต้น ต้นที่มองเห็นเหนือดินเป็นส่วนที่อยู่ต่อจากบัลบ์ จัดเป็นลำต้นเทียมที่เกิดขึ้นจากกาบใบเรียงอัดกันแน่น ต่อมาจึงเป็นส่วนของใบ
ราก รากหอมแดงเป็นระบบรากฝอยเป็นจำนวนมาก แตกหน่อออกมาจากข้างล่างของต้น มีลักษณะเป็นกระจุกรวมกันที่ก้นหัว และแพร่ลงดินลึกในระดับตื้นประมาณ 10-15 เซนติเมตรและแผ่รอยต้นประมาณ 5-10 เซนติเมตร
การขยายพันธุ์ หอมแดงสามารถขยายพันธุ์ได้ 2 วิธี คือ การใช้ส่วนหัวชนิด (sets) แล้วก็การใช้เมล็ดพันธุ์ (seeds) การใช้หัวชนิด (sets) เป็นแนวทางของเกษตรกรที่นิยมปฏิบัติกันมานาน หัวหอมแดงที่จะปลูกต้องผ่านการพักตัวมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน ก็เลยจะปลูกได้ การใช้เมล็ดพันธุ์ (seeds) เป็นวิธีที่ลดต้นทุนสำหรับในการผลิตในการซื้อหัวจำพวกที่แพงแพง สำหรับวิธีการปลูกหอมแดงนั้นมีดังนี้
การเตรียมแปลงปลูก หอมแดงเป็นพืชที่มีระบบระเบียบรากสั้น มีขอบเขตรากลึกประมาณ 10-15 ซม. โดยเหตุนี้ ในระดับความลึกนี้ หอมแดงจึงอยากหน้าดินซึ่งร่วนซุย รวมทั้งมีความชุ่มชื้นเป็นประจำ มีการระบายน้ำ รวมทั้งอากาศดี ไม่ต้องการดินแน่น โดยยิ่งไปกว่านั้นระยะที่มีการแตกหัวใหม่ การเตรียมดินให้ร่วนซุยจะช่วยทำให้
หอมแดงเจริญเติบโตก้าวหน้า ด้วยการไถลูกพรวนดินทีแรก ลึก 20 ซม. พร้อมกำจัดวัชพืช ผึ่งแดดทิ้งไว้ 7-15 วัน ต่อจากนั้น ไถกระพรวนดินให้ร่วนด้วยหน้าผานที่เล็กลง ลึก 20-30 เซนติเมตร และก็ตากดินก่อนปลูก 3-7 วัน ก่อนไถกระพรวนครั้งที่ให้หว่านปุ๋ยมูลสัตว์ อัตรา 2-3 ตัน/ไร่ ร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 20-30 โล/ไร่ ในช่วงฤดูฝนแปลงปลูกหอมแดงต้องยกร่องกว้างราว 1-1.2 เมตร ความยาวขึ้นกับพื้นที่ทำการเพาะปลูกเพื่อให้น้ำฝนระบายออกได้ ระยะห่างระหว่างแปลงจะเว้นไว้โดยประมาณ 30-50 ซม. เพื่อเป็นทางเท้าสำหรับเพื่อการให้น้ำหรือกำจัดวัชพืช
ก่อนปลูก 1-3 วัน ควรให้น้ำในแปลงให้เปียกก่อน วิธีการปลูก นำหัวพันธุ์ที่พักตัวดีแล้วหรือหัวพันธุ์ที่เก็บไว้นาน 2-4 เดือนภายหลังเก็บเกี่ยว มาตัดรากแห้งออก แยกหัวออกมาจากกันให้เป็นหัวเดี่ยวๆแล้วฝังหัวลงไปในดินให้ปลายของหัวอยู่เป็นประจำผิวดิน ระยะปลูกที่ 15 x 15 ซม. ปิดฟางดกราวๆ 1 ซม. เมื่อหอมแดงแตกหน่อได้ราวๆ 15 วัน ก็เลยหว่านปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต 21% อัตรา 10 โล/ไร่ แล้วให้น้ำยามเช้าเย็นหรือวันละครั้ง สุดแต่ภาวะความชุ่มชื้นของผิวดิน หอมแดงที่ปลูกจากหัวเก็บเกี่ยวเมื่ออายุราว 60 วัน หอมแดงที่เหมาะสมสำหรับเพื่อการเก็บเกี่ยวจำต้องแก่จัด มีใบแห้งตามธรรมชาติ โดยห้ามใช้สารกำจัดวัชพืชพ่นบังคับให้ใบแห้ง ด้วยเหตุว่าหัวหอมอาจเน่าหายหรือแก่เก็บไว้บริโภคสั้น ก่อนการเก็บเกี่ยวราวๆ 10-15 วัน จะต้องงดให้น้ำ และก็ให้น้ำอีคราวก่อนเก็บเกี่ยว 24 ชั่วโมง เพื่อให้หอมแดงถอนได้ง่าย การเก็บเกี่ยวจะใช้ขั้นตอนการมือถอนหรือใช้จอบหรือเสียมขุดร่วมด้วย หลังการเก็บเกี่ยว หอมแดงจะเก็บได้ไม่เกิน 6 เดือน หลังจากเก็บเกี่ยวบนแปลง ถ้าเกิดเกิน 6 เดือน หัวหอมแดงจะฝ่อไม่อาจจะรับประทานและไม่สามารถนำไปเพาะปลูกได้
ทั้งนี้หอมแดงสามารถผสมผ่านพันธุ์ได้ กับหอมหัวใหญ่ ลูกผสมที่เกิดขึ้นมีลักษณะรูปร่างจัดเข้าอยู่ในกรุ๊ปของหอมหัวใหญ่ (A.cepa) ส่วนพันธุ์หอมแดงที่นิยมนำมาปลูกในประเทศไทยมีอยู่ 3 จำพวก ซึ่งลักษณะซึ่งคล้ายกดกันมากมาย
ประเภทศรีสะเกษ เปลือกหัวนอกดก มีสีม่วงแดง หัวมีลักษณะกลมป้อม มีกลิ่นแรง ให้รสหวาน ใบเขียวเข้มมรกต มีนวลจับเล็กน้อย
ชนิดบางช้าง มีลักษณะคล้ายกับชนิดศรีสะเกษ แม้กระนั้นสีเปลือกนอกจางกว่า หัวมีลักษณะกลมป้อม ใบสีเขียวเข้ม มีนวลจับน้อย เป็นประเภทที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นมากยิ่งกว่าทุกชนิด
พันธุ์จังหวัดเชียงใหม่ มีเปลือกบาง สีส้มอ่อน หัวมีลักษณะกลมรี กลิ่นไม่ฉุนราวกับประเภทอื่น ให้รสหวาน หัวจะแบ่งเป็นกลีบกระจ่างแจ้ง ไม่มีเปลือกหุ้ม ใบสีเขียวมีนวลจับ
ส่วนประกอบทางเคมี หัวหอมมีน้ำมันระเหยง่ายที่มีกำมะถัน diallyl disulphide เป็นส่วนประกอบร่วมกับสารอื่นๆอีกตัวอย่างเช่น Ethanol, Acetonc, methyl Ethyl, Methyl Disulfide, Methyl, Methyl Trisulfide, Methyl I-propyl Trisulfide, I-propyl Trisulfide, Ketone, I-propanol, 2 – propanol, Methanol, I-butanol, Hydrogen Sulfidc, I-propanethiol, I-propyl Disulfide , Thioalkanal-S-oxide, di-n- propyl Disulfide, n- propyl-allyl Disulfide, Dithiocarbonate และก็ Thiuram Sulfidc ,Linoleic , flavonoid Glycoside , pectin , alliin ส่วนสารที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดกลิ่นในหัวหอมมีอยู่ 3 ประเภทเป็นdipropyl trisulfide, methylpropyl disulfide , methylpropyl disulfide และก็ methylpropyl trisulfide ส่วนคุณประโยชน์ทางโภชนาการของหอมแดงนั้นมีดังนี้

ค่าทางโภชนาการของหอมแดงดิบต่อ 100 กรัม
- หอมแดงพลังงาน 72 กิโลแคลอรี่
- คาร์โบไฮเดรต 16.8 กรัม
- น้ำตาล 7.87 กรัม
- เส้นใย 3.2 กรัม
- ไขมัน 0.1 กรัม
- โปรตีน 2.5 กรัม
- วิตามินบี 1 0.06 มก.
- วิตามินบี 2 0.02 มก.
- วิตามินบี 3 0.2 มก.
- วิตามินบี 5 0.29 มก.
- วิตามินบี 6 0.345 มก.
- วิตามินบี 9 34 ไมโครกรัม
- วิตามินซี 8 มิลลิกรัม
- ธาตุแคลเซียม 37 มก.
- ธาตุเหล็ก 1.2 มิลลิกรัม
- ธาตุแมกนีเซียม 21 มก.
- ธาตุแมงกานีส 0.292 มก.
- ธาตุฟอสฟอรัส 60 มก.
- ธาตุโพแทสเซียม 334 มิลลิกรัม
- ธาตุสังกะสี 0.4 มก.
คุณประโยชน์/สรรพคุณ ในการใช้ประโยชน์จากหอมแดงนั้นส่วนใหญ่กว่า 80% ชอบนิยมนำไปทำกับข้าวทั้งอาหารคาว แล้วก็อาหารหวาน รวมถึงนำไปเป็นของเคียง ของอาหารต่างๆยกตัวอย่างเช่น ข้าวซอกซอย สเต๊ ฯลฯ รวมทั้ง หัวหอม ใบและช่อดอกอ่อน กินเป็นผักสดและปรุงเป็นอาหาร หอมทั้งยังหัวรวมทั้งใบ ดอกเปรี้ยวรับประทานเป็นผักจิ้ม
ส่วนในการใช้หัวหอมในด้านสรรพคุณรักษาโรคนั้นมีดังนี้ ตามสรรพคุณโบราณของไทยบอกว่า ใบมีรสเค็มหวาน เป็นเมือก ใช้แก้หวัดแล้วก็เลือดกำเดาออก หัวหอมรสเผ็ดร้อน แก้ไข้มีเสมหะ ใช้ในปริมาณน้อย บำรุงดูแลรักษาผมให้เจริญงอกงาม ทำให้ผิวหนังมีชีวิตชีวา แก้ไข้ เช็ดทาผิวหนังทำให้ร้อน ขับเสลด แก้โรคในปาก บำรุงธาตุ ใช้ภายนอก
การศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยาฤทธิ์คุ้มครองตับและก็ไต การศึกษาเล่าเรียนความรู้ความเข้าใจสำหรับการคุ้มครองความทรุดโทรมของตับรวมทั้งไตจากการติดเชื้อไข้มาลาเรีย โดยตระเตรียมสารสกัดหอมแดงอย่างหยาบด้วยน้ำ จากนั้นนำไปทดสอบฤทธิ์ในหนูถีบจักร สายพันธุ์ ICR ที่ติดเชื้อไข้จับสั่น Plasmodium berghei ANKA ปริมาณ 6x106เซลล์ ต่อหนูทดลอง โดยให้ตัวทดลองได้รับสารสกัดทางหลอดอาหารวันละครั้ง เป็นเวลา 4 วันต่อเนื่องกัน และก็ทำตรวจวัดค่าระบุความย่ำแย่ อาทิเช่น ระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีตับ aspartate aminotransferase (AST), alanine aminotransferase (ALT) และก็ตัวบ่งชี้ลักษณะการทำงานของไต เช่น blood urea nitrogen (BUN) และ creatinine โดยใช้ชุดตรวจสำเร็จรูป ผลการทดลองพบว่าความเข้มข้นสูงสุดของสารสกัดหอมแดงที่ไม่นำมาซึ่งความเป็นพิษหมายถึง3,000 มก.ต่อกิโล และในเวลาที่มีการติดเชื้อไข้มาลาเรียนั้นจะเจอความเสียหายของตับ และไตเกิดขึ้นในวันที่ 10 หลังจากติดโรคโดยดูได้จากระดับของ AST, ALT, BUN และ creatinine ที่สูงที่สุด แม้กระนั้นสารสกัดหอมแดงที่ขนาด 3,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม สามารถคุ้มครองป้องกันความเสื่อมโทรมของตับแล้วก็ไต จากการตำหนิดเชื้อไข้จับสั่นได้โดยมองจากตัวบ่งชี้ที่หรูหราปกติ จากผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยสามารถสรุปได้ว่าสารสกัดหอมแดงมีฤทธิ์ปกป้องความเสื่อมโทรมของตับและก็ไตจากการต่อว่าดเชื้อมาลาเรียในตัวทดลองได้
ฤทธิ์ต้านอักเสบ ทดสอบฤทธิ์ต้านการอักเสบของส่วนสกัดหัวหอมแดงในเอทานอลในหลอดทดลอง กระทำการทดลองความอยู่รอดของเซลล์ด้วยแนวทาง 3-4,5-dimethylthiazol-2-yl-2,5-dyphenyl tetra-zolium bromide (MTT) ศึกษาเล่าเรียนผลของส่วนสกัดต่อการแสดงออกของยีนที่เป็นตัวกลางการอักเสบอย่างเช่น inducible nitric oxide synthase (iNOS), cyclooxygenase (COX)-2, COX-1, tumor necrosis factor (TNF)-α, interleukin (IL)-1β และก็ IL-6 ในเซลล์เพาะเลี้ยงมาวัวรฟาจ (RAW 264.7) ที่ได้รับการกระตุ้นด้วยสาร Lipopolysaccharide (LPS) โดยวัดปริมาณยีนที่แสดงออกด้วยแนวทาง reverse transcription polymerase chain reaction (RT-PCR) พินิจพิจารณาหาปริมาณฟีนอลรวม และก็ฟลาโวนอยด์รวม ของส่วนสกัดโดยใช้ปฏิกิริยาการเกิดสีกับสาร Folin-Ciocalteu แล้วก็สารอลูมิเนียมคลอไรด์ เป็นลำดับ ผลการศึกษาเรียนรู้พบว่าที่ความเข้มข้น 62.5, 125 และก็ 250 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ส่วนสกัดหอมแดงในเอทานอลไม่มีความเป็นพิษต่อเซลล์ และก็มีฤทธิ์ยั้งการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวพันกับการอักเสบดังเช่นว่า iNOS, TNF-α, IL-1β และ IL-6 เพิ่มขึ้นตามความเข้มข้น ส่วนสกัดหอมแดงไม่เป็นผลต่อการแสดงออกของยีน COX-2 แต่ว่ายั้งการแสดงออกของยีน COX-1 อย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยมีจำนวนสารฟีนอลรวมคิดเป็น 15.964±0.122 สมมูลกับกรดแกลลิก/กรัม แล้วก็มีจำนวนสารฟลาโวนอยด์รวม 11.742 ±0.012 มิลลิกรัม สมมูลกับสารเคอร์สิทิน/กรัม
การเล่าเรียนทางพิษวิทยาฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ การทดลองสารสกัดบิวทานอลจากหอมสด ความเข้มข้น 0.5 มล./แผ่น หรือความเข้มข้นอื่นๆกับ Bacillus subtilis M-45 (Rec-) ในจานเพาะเชื้อ พบว่าไม่มีฤทธิ์ แล้วก็เมื่อเปลี่ยนมาใช้สารสกัดเอทานอล (95%) จากหอมสด ความเข้มข้น 0.5 มิลลิลิตร/แผ่น กับ B. subtilis H-17 (Rec+) ในจานเพาะเชื้อ พบว่าไม่มีฤทธิ์ด้วยเหมือนกัน นอกจากนี้การทดสอบน้ำสกัดหรือน้ำต้มหอมสด ความเข้มข้น 0.5 มิลลิลิตร/แผ่น กับ B. subtilis M-45 (Rec-) และการทดลอง B. subtilis H-17 (Rec+) ด้วยน้ำสกัดหอมสด ก็พบว่าสารสกัดกลุ่มนี้ไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ แต่ว่าหากใช้ส่วนสกัดจาก chromatography (undiluted) หรือการใช้ oleoresin จากหอม (undiluted) มาทดลองกับ Salmonella typhimurium TA100 ในจานเพาะเชื้อ พบว่ามีฤทธิ์ แต่เมื่อนำมาทดลองกับ S. typhimurium TA98 กลับไม่มีฤทธิ์ ใช้สารสกัดเมทานอลทดสอบกับ S. typhimurium TA98 พบว่าสารสกัดนี้มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์แรง รวมทั้งเมื่อเล่าเรียนกลไกการเมตา-โบไลท์สารก่อกลายพันธุ์ของหอมภายในร่างกาย พบว่ากลูตาธัยโอน กลูคิวโรนายด์ ไดธัยโอธรีธอล สามารถลดฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของหอมได้ แต่ไวตามินซีไม่มีผลต่อฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของหอมแต่อย่างใด มีการทดสอบฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของเครื่องเทศที่ใช้จัดเตรียมน้ำพริกแกง ใน S. typhimurium พบว่าสารสกัดจากหอมมีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ถึง 100% ซึ่งเป็นผลมาจากสารสำคัญที่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ซึ่งมีอยู่แล้วตามธรรมชาติในหอม เมื่อกระทำแยกรวมทั้งพินิจพิจารณาสารสำคัญนั้นพบว่า เป็นสารจำพวก ฟลาโวนอยด์ เคอร์ซิติเตียนน (quercetin) ขึ้นรถสำคัญที่แยกบริสุทธิ์ได้ 1 ตัว พบว่า คือ quercetin-4-0-glycoside สารนี้เป็นสารก่อกลายพันธุ์ฤทธิ์อ่อน ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของมันจะสูงมากขึ้นเมื่อถูกกระตุ้นด้วยเอนไซม์ภายในร่างกาย เมื่อสลายสารนี้ด้วยเอนไซม์ b-glucuronidase ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่เจอที่ลำไส้ใหญ่ พบว่าฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์จะร้ายแรงเพิ่มขึ้น
พิษต่อเซลล์ ทดลองสารสกัดเมทานอลจากรากหอมสด ความเข้มข้น 200 มคก./มล. กับ macrophage cell line raw 264.7 พบว่าสารสกัดนี้ไม่มีพิษต่อเซลล์ดังที่กล่าวมาแล้ว
คำแนะนำ/ข้อควรปฏิบัติตาม- หนังสือเรียนยาไทยบอกว่า หัวหอม ไม่สมควรรับประทานมากเกินความจำเป็น หรือรับประทานบ่อยๆ ด้วยเหตุว่าอาจทำให้ประสาทเสีย ให้หลงๆลืมๆได้ง่าย ทำให้มีกลิ่นตัว ฟันเสีย เลือดน้อย รวมทั้งตาฝ้ามัวไม่แจ่มใส
- สำหรับการเลือกหอมแดงมาใช้ประโยชน์ควรที่จะทำการเลือกหอมแดงที่มีอายุเก็บเกี่ยวไม่เกิน 6 เดือน ด้วยเหตุว่าหากเกิน 6 เดือนไปแล้ว จะได้หัวหอมที่ฝ่อ ไม่สามารถที่จะใช้ประโยชน์ได้หรืออาจมีสารออกฤทธิ์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ
- น้ำมันหอมระเหยที่ได้จากหอมแดง มีรสเผ็ดร้อน ทำให้เคืองตา แสบจมูก และก็อาจจะก่อให้ผิวหนังปวดแสบปวดร้อน
- น้ำหอมแดงมีสารกำมะถันซึ่งทำให้แสบตา แสบจมูก และผิวหนังมีลักษณะอาการระคาย ก็เลยไม่ควรใช้ทาใกล้รอบๆผิวหนังที่เปราะบาง
เอกสารอ้างอิง- วรวุฒิ สมศักดิ์, สุกัญญา ชาชิโย, สมเดช ศรีชัยรัตนกูล, ชัยรัตน์ อุทัยพิบูลย์. ฤทธิ์ของสารสกัดหอมแดงต่อความเสียหายของตับและไตจากการติดเชื้อมาลาเรีย Plasmodium berghei ในหนูทดลอง. การประชุมหาดใหญ่วิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 6, วันที่ 26 มิถุนายน 2558 ณ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ จ.สงขลา.
- จิรวัฒน์ เวชแพศน์.2526 การศึกษาระยะปลูกของหอมแดง.ปัญหาพิเศษปริญญาตรี ภาควิชาพืชสวน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,กรุงเทพฯ.
- ภก.ชัยโย ชัยชาญทิพยุทธ.หอมเล็ก.คอลัมน์ สมุนไพรน่ารู้. นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่27.กรกฎาคม 2524 http://www.disthai.com/
- หอม.ฐานข้อมูลพืชสมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
- อาทิตย ศุขเกษม. การเปรียบเทียบผลผลิตของหอมแดงที่ปลูกด้วยหัวพันธุ์และเมล็ดพันธุ์.ปัญหาพิเศษปริญญาตรี.ภาควิชาพืชสวนคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตกำแพงแสน.13 หน้า
- Lorenz, O.A. and D.N. Maynard. 1980. Knott’s hand book for vegetable growers. John wily and Sons, Inc. New York. 390 p.
- หอมแดง สรรพคุณและการปลูกหอมแดง.พืชเกษตรดอทคอม เว็บเพื่อพืชเกษตรไทย
- พะยอม ตันดีวัฒน์.2530. เครื่องเทศ.119 หน้า.
- หอมแดง.ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
- รัตนา พรหมพิชัย. (2542). หอมบั่ว. ใน สารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคเหนือ (เล่ม 14, หน้า 7530). กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์.
- Werawattanachai N, Kaewamatawong R, Junlatat J, Sripanidkulchai B. Anti-Inflammatory potential of ethanolic bulb extract of Allium ascalonicum. Journal of Science & Technology, Ubon ratchathani University. 2015;17(2):63-68.
- วิศิษย์ ว่องทิพยคงคา.2510. การเปรียบเทียบหาระยะปลูกที่เหมาะสม ของหอมต้นเพื่อเพิ่มผลผลิต ปัญหาพิเศษ ปริญญาตรี ภาควิชาพืชสวน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,กรุงเทพฯ.
Tags : หอมแดง